ถอดรหัสท่าทางจับดินสอ กับพัฒนาการถดถอย และความทุกข์ยากของเด็ก ๆ ในห้องเรียน
โรงเรียนพัฒนาตนเอง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ได้นำเครื่องวัดแรงบีบมือทดสอบวัดสมรรถภาพความแข็งแรงกล้ามเนื้อมัดเล็กของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 1,918 คน จาก 70 โรงเรียน ใน 6 จังหวัด พบร้อยละ 98 ของเด็ก ๆ มีแรงบีบมือต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของเด็กในวัยเดียวกัน สะท้อนว่าเด็กกำลังเผชิญวิกฤต ภาวะกล้ามเนื้อบกพร่อง

ถอดรหัสท่าทางจับดินสอ กับพัฒนาการถดถอย และความทุกข์ยากของเด็ก ๆ ในห้องเรียน
ภาวะกล้ามเนื้อบกพร่องที่ส่งผล ต่อประสิทธิภาพการเรียนรู้ และสัญญาณเตือนสำคัญคือการจับดินสอไม่ถูกวิธีเพราะกล้ามเนื้อมือไม่แข็งแรง
จับดินสอผิดวิธีเนื่องจากกล้ามเนื้อมือไม่แข็งแรง
ผศ.อัมพร ศรประสิทธิ์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ โค้ชการพัฒนาเด็กปฐมวัย (อนุบาล – ป.3) โครงการโรงเรียนพัฒนาตนเอง (TSQP) กสศ. กล่าวว่า การจับดินสอผิดวิธี สะท้อนว่ากล้ามเนื้อมือไม่แข็งแรง ส่งผลให้เขียนหนังสือช้า ควบคุมทิศทางการเขียนไม่ได้ การทรงตัวนั่งเขียนไม่ดี ทำงานเสร็จช้าไม่ทันเพื่อน เรียนไม่รู้เรื่อง มีภาวะเครียด ขาดเรียนบ่อย เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ของเด็ก
ครูและผู้ปกครองทุกคนต้องสังเกตและจับสัญญาณจากเด็กให้ได้ การลุกยืนและเดินไปมาในคาบสอน ไม่ใช่เพราะเด็กสมาธิสั้น หรือเป็นเด็กพิเศษ หรือการไม่ยอมทำการบ้านเพราะขี้เกียจเรียนอย่างที่หลายคนด่วนสรุป จากการสังเกตพฤติกรรมของเด็กอย่างใกล้ชิดและร่วมประเมินกับครู พบว่าเกิดจาก “ฐานกายเด็กยังไม่พร้อม”
ผศ.พรพิมล คีรีรัตน์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ โค้ชโครงงานฐานวิจัยโครงการโรงเรียนพัฒนาตนเอง (TSQP) กสศ. กล่าวว่า คุณครูได้สังเกตพฤติกรรมเด็กในขณะนั่งเขียน ภายในเวลาสั้น ๆ ไม่กี่นาทีพบว่า เด็กเขียนได้สักพักก็ฟุบตัวไปกับโต๊ะ แล้วอีกสักพักก็ลุกขึ้นยืน เพราะกล้ามเนื้อแกนกลาง กล้ามเนื้อมัดใหญ่ไม่แข็งแรง การยืนหรือเดินจะสบายกว่าการนั่งเนื่องจากแรงที่กระทำต่อสันหลังลดลง ตอนแรกครูเข้าใจว่าเด็กสมาธิสั้น ก็เลยดุทำให้เด็กยิ่งเบื่อ และบ่นว่าเหนื่อย หลังจากที่ครูเข้าใจสาเหตุเลยไม่ดุเด็กอีกต่อไป
แนวทางฟื้นฟูกล้ามเนื้อมัดเล็กและกล้ามเนื้อมัดใหญ่
ผศ.พรพิมล คีรีรัตน์ กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้ว่า “ในการพัฒนากล้ามเนื้อเด็กวัยประถมต้นหลังจากวิเคราะห์ลักษณะความถดถอยของฐานกายเด็กแล้ว ครูเริ่มตามแนวทางนี้คือออกแบบกิจกรรม เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ กระดูก ข้อที่แขน ขา ลำตัวและระบบประสาทสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบ กระบวนการ และเป้าหมาย เพื่อให้เด็กมั่นใจในการใช้ร่างกายเคลื่อนไหวแบบต่างๆ มีการทรงตัวที่มั่นคง จนเด็กรู้สึกไว้วางใจในศักยภาพของร่างกายตนเอง และเต็มใจที่จะพัฒนาในขั้นต่อไป ทำทุกวันใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะบูรณาการกิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก และการบูรณาการการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ สาระพื้นฐาน ผ่านไปอีก 1 สัปดาห์พบว่าเด็กมั่นใจขึ้น ร่าเริง สื่อสารดีขึ้น มีสมาธิจดจ่อในการฟังมากขึ้น ทานอาหารมากขึ้น เริ่มเล่นกับเพื่อนและคิดวิธีเล่นต่อยอดจากกิจกรรมที่ฝึก จดจำได้เร็วขึ้น มากขึ้น จำได้นานขึ้น ตื่นตัวรอคอยที่จะได้เล่นกิจกรรม สนุกและมุ่งมั่นกับการทำกิจกรรมการเรียนรู้แบบท้าทาย กำกับตัวเองได้ดีขึ้น ล้วนเป็นสัญญานที่บ่งบอกถึงความพร้อมในการเรียนรู้ได้เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว เป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ที่คุ้มค่ามาก”
ลิงก์ไปยังเนื้อหา: กดเพื่อเรียกลิงก์