แนวโน้มอาหารและโภชนาการกับ NCDs
[Admin] เนื้อหานี้ยังไม่ได้เผยแพร่
โรคไม่ติดต่อเรื้อรังเป็นปัญหาสุขภาพ อันดับต้นๆ ที่นำไปสู่การสูญเสีย โดยมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น อาหารที่มีน้ำตาลสูง โซเดียมสูง และไขมันสูง เป็นต้น จึงต้องมีการควบคุม และส่งเสริมให้มีการบริโภคผัก และผลไม้ที่ปลอดภัย เพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย

แนวโน้มปัญหาโภชนาการ และสุขภาพของคนไทย
เด็กปฐมวัยไทยมีภาวะเตี้ย ผอม เพิ่มขึ้น แต่อ้วนลดลงกว่าเดิม โภชนาการในช่วงแรกของชีวิตมีความสำคัญ
ในการสร้างรากฐาน สำหรับการเติบโตที่เต็มศักยภาพ การขาดสารอาหารสามารถส่งผลกระทบต่อพัฒนาการ
ของสมอง และสติปัญญาซึ่งเป็น อุปสรรคต่อการเรียนรู้ในอนาคต มีข้อมูลวิจัยพบว่า เด็กไทยได้รับนมแม่ลดลง
นมแม่มีสารอาหารคุณภาพสูงเหมาะสม และเพียงพอสำหรับทารก เด็กที่ได้รับนมแม่นานกว่า 12 เดือนมีระดับ
สติปัญญาการเรียน และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีรายได้ สูงกว่าเด็กที่ได้รับนมแม่น้อยกว่า 1 เดือน การได้รับนมแม่
ยังลดความเสี่ยงต่อภาวะอ้วน และเบาหวาน ชนิดที่ 2 ในวัยผู้ใหญ่
นอกจากนี้การระบาดของโรคโควิด-19 มีผลทั้งทางตรง และทางอ้อมต่อภาวะอาหาร และโภชนาการ เนื่องจาก
ขาดความมั่นคง ทางอาหาร การดูแล และการให้อาหารที่ไม่ได้คุณภาพ รวมทั้งไม่สามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ
ของรัฐ ส่งผลให้เด็กเสี่ยงต่อการได้รับอาหารไม่พอ หรือไม่เหมาะสม เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยมากขึ้น และยังพบว่า
เด็กวัยเรียนของไทยอ้วนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย ฯ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เด็กวัยเรียน
อายุ 6 - 14 ปี มีน้ำหนักเกิน และอ้วนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเด็กเหล่านี้เสี่ยงต่อการเป็นโรคต่าง ๆ เช่น นอนกรนเสียงดัง
และบางรายหยุดหายใจ กระดูก และข้อผิดรูป ขาโก่ง ขากาง หรือขาสั้นข้างยาวข้าง เป็นเบาหวานชนิดที่ 2
มากขึ้น มีระดับไขมันในเลือดผิดปกติ และความดันโลหิตสูง เด็กอ้วนเหล่านี้ จำนวนไม่น้อยเติบโตเป็นผู้ใหญ่
ที่ยังคงอ้วน และป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)
พฤติกรรมการบริโภค และอาหารมีแนวโน้มเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)
การบริโภคอาหารที่มีพลังงานสูงแต่คุณค่าโภชนาการต่ำนำไปสู่โรคอ้วน และโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น
เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง โดยเฉพาะน้ำอัดลม ชาพร้อมดื่ม และ กาแฟพร้อมดื่ม มักมีปริมาณน้ำตาลสูง หากดื่ม
ปริมาณมากไม่สมดุลกับการออกกำลังกาย อาจทำให้เสี่ยงมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นนำไปสู่โรคอ้วน และเบาหวาน
การบริโภคโซเดียมปริมาณมาก จากการปรุงอาหารให้มีรสเค็มเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคอัมพฤกษ์อัมพาต การบริโภคอาหารไขมันสูง
ที่อุดมด้วยไขมันอิ่มตัว และไขมันทรานส์เพิ่มความเสี่ยง ต่อปัญหาคอเลสเตอรอลในเลือดสูง และโรคหัวใจ
และหลอดเลือด การได้รับอาหารที่อัดแน่นด้วยพลังงานจากไขมัน เป็นปัจจัยหนึ่งที่นำ ไปสู่โรคอ้วนและโรค
ไม่ติดต่อเรื้อรังในที่สุด จึงควรหันมาบริโภคผัก และผลไม้ให้มากขึ้น เพราะเป็นแหล่งอาหารของวิตามิน
แร่ธาตุและสารอื่น ๆ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ใยอาหาร องค์การอนามัยโลก แนะนำให้บริโภคผักผลไม้
อย่างน้อยวันละ 400 กรัม แบ่งเป็นผัก 3 ส่วน ผลไม้ 2 ส่วน จะสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อได้
ลิงก์ไปยังเนื้อหา: กดเพื่อเรียกลิงก์