< กลับหน้าแรก

การจัดการขยะที่ถูกต้อง เพื่อสุขภาพที่ดีกว่าของนักเรียน โรงเรียนบ้านปัว จังหวัดพะเยา


เขียนเมื่อ: 24-02-2025 12:48 โดย วรรณา เลิศวิจิตรจรัส

โรงเรียนบ้านปัว ตั้งอยู่ในตำบลงิม อำเภอปง จังหวัดพะเยา เป็นโรงเรียนขนาดเล็กพิเศษที่มีนักเรียนเพียง 36 คน แม้จะเป็นโรงเรียนเล็ก แต่กลับต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของเด็กๆ คือปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งเป็นภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็กนักเรียนค่อนข้างมาก เช่น ไอ จาม มีน้ำมูก เป็นต้น สาเหตุของปัญหาส่วนหนึ่งมาจากชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ในช่วงฤดูหนาวจึงมักเผาไร่นาหลังการเก็บเกี่ยว ช่วงหน้าร้อนเกิดปัญหาไฟป่า รวมถึงการเผาขยะ และเศษใบไม้ ทั้งในโรงเรียนและชุมชน โรงเรียนจึงตระหนักถึงปัญหาและความสำคัญในการจัดการขยะอย่างถูกวิธี

การจัดการขยะที่ถูกต้อง เพื่อสุขภาพที่ดีกว่าของนักเรียน โรงเรียนบ้านปัว จังหวัดพะเยา image

และแม้โรงเรียนเคยได้รับการอบรมเรื่องการแยกขยะจากองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) มาก่อน แต่ยังขาดการดำเนินการอย่างจริงจัง จนกระทั่งโรงเรียนได้เข้าร่วมโครงการ "โรงเรียนสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพและสุขภาวะของนักเรียน" กับ Child Impact โดยมีเป้าหมายสำคัญในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้ดีขึ้น ปรับปรุงระบบการจัดการขยะอีกครั้ง

กิจกรรมเพื่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

โรงเรียนได้เริ่มดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของนักเรียน โดยมีกิจกรรมที่หลากหลาย ได้แก่

  1. ทำข้อตกลงร่วม (MOU) กับผู้ปกครองและร้านค้าในชุมชน เรื่องการไม่เผาและการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี ซึ่งได้รับความมือจากร้านค้าและผู้ปกครองเป็นอย่างดี

  2. ปลูกเคราฤาษี โรงเรียนได้จัดกิจกรรมปลูกเคราฤาษีหน้าอาคารเรียนเพื่อกรองฝุ่นและลดมลพิษในอากาศ และติดสปริงเกอร์ เพื่อรดน้ำให้กับเคราฤาษี และยังเพิ่มความชุ่มชื้นอีกด้วย

  3. การดูแลสุขภาพนักเรียน ทางโรงเรียนได้จัดให้มีการตรวจสุขภาพนักเรียน เทอมละ 1 ครั้ง ซึ่งช่วยให้โรงเรียนสามารถติดตามสุขภาพของนักเรียนได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจ

  4. การจัดห้องพยาบาล โรงเรียนได้ปรับปรุงห้องพยาบาลให้มีอุปกรณ์ในการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและยาที่ครบถ้วนมากขึ้น มีเตียงสำหรับนักเรียนที่ป่วยได้พักผ่อน ทำให้ลดความจำเป็นในการส่งนักเรียนไปที่อนามัย

  5. ป้ายนิเทศ มีการติดป้ายให้ความรู้เกี่ยวกับฝุ่น PM 2.5 ภายในบริเวณโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนตระหนักถึงผลกระทบและวิธีป้องกันตนเอง

  6. ระบบแจ้งเตือนสภาพอากาศ โรงเรียนมีการติดตั้งเครื่องอ่านค่าฝุ่นและธงสีแจ้งเตือนสภาพอากาศในโรงเรียน โดยนักเรียนจะมีหน้าที่ปักธงสีตามค่าฝุ่นในแต่ละวัน และปรับกิจกรรมในแต่ละวันตามสถานการณ์ฝุ่น

  7. การบูรณาการเรื่องสิ่งแวดล้อมเข้าไปในบทเรียน เช่น การเล่านิทานเกี่ยวกับปัญหาไฟป่า วาดภาพระบายสีเกี่ยวกับขยะ และการให้ข้อมูลเรื่องการย่อยสลายของพลาสติกที่ใช้เวลาหลายร้อยปี ซึ่งช่วยปลูกฝังจิตสำนึกในการรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

  8. การแยกขยะและการจัดการขยะ กิจกรรมแยกขยะดีต่อใจดีต่อโลก เป็นกิจกรรมที่เน้นการปลูกฝังให้นักเรียนเรียนรู้การแยกขยะอย่างถูกต้อง โดยมีการจัดตั้งถังขยะ 5 สีสำหรับแยกขยะ เพื่อนำขยะแต่ละชนิดส่งต่อไปในที่ต่างๆ เช่น ขยะที่ขายได้ โรงเรียนจะทำการขายเพื่อนำเงินมาบำรุงโรงเรียน ขยะที่ขายไม่ได้จะส่งไปที่ อบต. เพื่อให้ อบต.บีบอัดเป็นก้อนขยะเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงาน ขยะถุงนมที่นักเรียนดื่มทุกวัน นักเรียนจะช่วยกันล้างและนำถุงนมส่งต่อให้ อบต. ซึ่งถุงนมนี้ ทางอบต. จะนำมารีไซเคิลเป็นกระเป๋า ส่วนขยะอินทรีย์ทางโรงเรียนจะนำไปทำปุ๋ยหมัก เพื่อใช้ในแปลงผักในโรงเรียน ซึ่งช่วยลดปริมาณขยะอินทรีย์ที่ต้องเผาทิ้ง

  9. การเดินรณรงค์เพื่อลดการเผา และสร้างจิตสำนึกในชุมชน กิจกรรมนี้ ครูพานักเรียนเดินเข้าไปในหมู่บ้าน เพื่อประชาสัมพันธ์กับชาวบ้านให้ลดเผา เพราะการเผาทำให้เกิดมลพิษที่ส่งผลต่อสุขภาพ

กิจกรรม

พลังความร่วมมือในชุมชน

การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนไม่ได้เกิดขึ้นจากใครคนใดคนหนึ่ง แต่เกิดจากความร่วมมือของทุกฝ่ายในชุมชน เมื่อโรงเรียนบ้านปัวเดินหน้าสู่โครงการบริหารจัดการขยะและลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ไม่เพียงแต่โรงเรียนที่ปรับเปลี่ยนแนวทาง แต่ชุมชนโดยรอบก็ให้ความร่วมมืออย่างแข็งขัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นให้กับนักเรียนและทุกคนในพื้นที่

องค์การบริหารส่วนตำบล เข้ามามีบทบาทสำคัญ จัดอบรมให้ความรู้การแยกขยะให้กับโรงเรียนและชุมชน เพราะเมื่อมีการแยกขยะที่ถูกต้อง อบต. ก็สามารถกำจัดขยะได้ง่ายขึ้น สำหรับขยะที่ขายได้ส่วนหนึ่งให้กลุ่ม อสม. นำไปขาย และนำเงินไปช่วยเหลือชาวบ้าน และ อสม. ต่อไป

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลงิม ให้ความร่วมมือในการตรวจสุขภาพและติดตามผลของนักเรียนอย่างต่อเนื่อง ทำให้เด็กๆ นักเรียนได้รับการดูแลได้อย่างทั่วถึง

นายจรินทร์ เจือจาน พยาบาลวิชาชีพจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลงิม กล่าวว่า “การเจ็บป่วยของนักเรียนลดลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่โรงเรียนเข้าร่วมโครงการ จากเดิมที่เด็ก ๆ มักจะป่วยด้วยอาการหวัดและโรคทางเดินหายใจ การเข้าร่วมโครงการทำให้สภาพอากาศในโรงเรียนดีขึ้น ส่งผลให้นักเรียนมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น และส่งผลต่อการเรียนของเด็ก ๆ ด้วย”

ผู้ปกครอง ร้านค้า และคนในชุมชน ให้ความร่วมมือในการคัดแยกขยะอย่างจริงจังมากขึ้น และลดการเผา เป็นผลให้ขยะในชุมชนลดลง และมลพิษทางอากาศก็ลดลงด้วย ผู้ปกครองเองก็ดีใจที่ได้เห็นลูกหลานของตนมีส่วนร่วมในการรณรงค์รักษาความสะอาดในชุมชน

กิจกรรม

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น คือการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้

การดำเนินโครงการของโรงเรียนนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ อบต. จัดการขยะได้ง่ายขึ้น แต่ยังสร้างแรงกระตุ้นให้คนในชุมชนแยกขยะ ลดการเผา

ครูเพ็ญนภา ตีคาอายุ เล่าถึงการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของตนเองในการดูแลสิ่งแวดล้อม หลังจากเข้าร่วมโครงการ ว่า ตนเองมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น ครูและนักเรียนหันมาใส่ใจในการดูแลสิ่งแวดล้อมรอบตัวมากขึ้น นอกจากสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นแล้ว เด็กนักเรียนยังเรียนรู้ที่จะรักษาความสะอาดและตระหนักถึงผลกระทบของฝุ่น PM2.5 ต่อสุขภาพ ทำให้เด็กมีสุขภาพที่ดีขึ้น และลดปัญหาการเจ็บป่วยจากโรคระบบทางเดินหายใจอย่างเห็นได้ชัด

โครงการสิ่งแวดล้อมในโรงเรียนร่วมกับ Child Impact จึงเป็นตัวอย่างของการพัฒนาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม การจัดการขยะและการปลูกฝังจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมในนักเรียนและชุมชน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนต่อสุขภาพของเด็กและชุมชน โครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหามลพิษ แต่ยังสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีและปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ


หมวดหมู่

  • มลพิษจากสิ่งแวดล้อม

ผู้ใช้ความรู้

  • ผู้บริหารสถานศึกษา
  • ครู

กลุ่มเป้าหมาย

  • ปฐมวัย
  • ประถมศึกษาตอนต้น
  • ประถมศึกษาตอนปลาย