จุดเริ่มต้น “ความปลอดภัยบนท้องถนน” ของโรงเรียนบ้านบางเป้า คือความเข้มแข็งของโรงเรียนและชุมชน
เขียนเมื่อ: 12-01-2025 08:10 โดย ศศิตา ปิติพรเทพิน
โรงเรียนขนาดไม่ใหญ่ โอบล้อมด้วยขุนเขาในอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ที่นี่คือโรงเรียนบ้านบางเป้า โรงเรียนขยายโอกาสขนาดกลาง เปิดสอนเด็กตั้งแต่อนุบาลจนถึงระดับมัธยมต้น ที่มีนักเรียนจำนวน 127 คน แต่แม้จะเป็นโรงเรียนขนาดกลาง แต่เพราะเป็นโรงเรียนของชุมชน ในช่วงเวลาก่อนเข้าเรียนและหลังเลิกเรียน บริเวณหน้าโรงเรียนมักเกิดช่วงเวลาที่จราจรติดขัด และความหนาแน่นของการสัญจรสูง ซึ่งอาจเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุได้ อีกทั้งพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ปกครองและเด็กจึงไม่คุ้นชินกับการสวมหมวกนิรภัย หรือการหยุดรถตามสัญญาณต่างๆ จากการสำรวจของคุณครูพบว่า จำนวนนักเรียนที่เดินทางมาโรงเรียนด้วยรถจักรยานยนต์และสวมหมวกกันน็อคทุกครั้งมีเพียงร้อยละ 30 โดยนักเรียนที่ไม่สวมหมวกน็อคส่วนใหญ่เป็นระดับชั้นมัธยมต้น รวมถึงผู้ปกครองที่ขับขี่รถจักรยานยนต์มารับ-ส่งนักเรียนก็มักไม่สวมหมวกกันน็อค เนื่องจากความเคยชินที่มองว่า “บ้านใกล้แค่นี้เองจะสวมทำไม”

ภายใต้โครงการโรงเรียนสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพและสุขภาวะปี 2567 ร่วมกับ Childimpact โรงเรียนบางเป้าจึงตัดสินใจเลือกที่จะขับเคลื่อนประเด็น “ความปลอดภัยทางท้องถนน” โดยพยายามสร้างกระบวนการความเข้าใจกับเด็กและผู้ปกครอง เพื่อให้การจราจรโดยรอบโรงเรียนและในชุมชนมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยมีการดำเนินการด้วยหลายกิจกรรมควบคู่กันไป เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นโรงเรียนที่มีความปลอดภัยทางท้องถนนสูงสุด
1. สอดแทรกชุดความรู้ - ชวนเล่นเกม ปลูกฝังตั้งแต่เด็กๆ
คุณครูมองว่าการปลูกฝังสิ่งเหล่านี้ ต้องเริ่มตั้งแต่เด็กเพื่อให้เป็นวิถีชีวิตและแนวคิดตั้งต้นสำหรับพวกเขา ลำดับแรก คุณครูเลือกใช้สื่อความปลอดภัยบนถนน แปะไว้ตามจุดต่างๆ ในโรงเรียน โดยเฉพาะบริเวณหน้าห้องเรียน เพื่อให้ผ่านสายตาเด็กทุกๆ วัน
แต่ด้วยภายในโรงเรียนมีเด็กหลายระดับชั้น คุณครูจึงได้ปรับกิจกรรมสอดแทรกความรู้เข้าไปตามความสนใจตามวัย
-
เด็กระดับอนุบาลจนถึงประถม คุณครูเลือกใช้ “เกม” เป็นเครื่องมือ โดยเลือก “รวมเกมเรียนรู้ทักษะคิดเอาชีวิตรอดภัยบนท้องถนน” มาใช้ในห้องเรียนหรือคาบโฮมรูม โดยเป็นเกมที่สามารถเอาขึ้นจอใหญ่และให้เด็กเล่นร่วมกันได้ ซึ่งทำให้เกิดความสนุกและการแข่งขัน พร้อมกับการสอดแทรกความรู้
-
เด็กระดับมัธยมต้น คุณครูใช้วิธีเน้นปฏิบัติจริง ร่วมกับการอบรมในวิชาหน้าที่พลเมือง เนื่องจากวัยมัธยมต้นเป็นวัยที่เริ่มใช้จักรยานยนต์ โดยการพูดคุยกับเด็ก จะเน้นเล่าถึงสถานการณ์จริง เล่าถึงความอันตรายที่สามารถเกิดขึ้นได้ ชวนวิเคราะห์สถานการณ์ ชวนวิเคราะห์คู่กรณี ฯลฯ เพื่อให้เด็กมัธยมต้นเห็นภาพรวมความจริงได้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถช่วยดูแลน้องๆ ได้ และในอนาคต ทางโรงเรียนตั้งใจที่จะจัดค่ายอบรมเกี่ยวกับความปลอดภัยในท้องถนนด้วย เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้เข้มแข็งขึ้น
2. ติดตั้งป้ายสัญลักษณ์ภายในและบริเวณทางเข้าโรงเรียน
ก่อนหน้าจะเริ่มโครง การจราจรภายในโรงเรียนไม่ได้ถูกจัดระเบียบและไม่มีการติดตั้งสัญลักษณ์จราจร ทำให้มีการวิ่งรถสวนทาง หรือสวนเลนเป็นประจำ ทางโรงเรียนจึงได้ติดตั้งป้ายจราจรตามจุดต่างๆ ได้แก่ ป้ายลดความเร็ว ป้ายทางเข้า-ออก ป้ายกลับรถ ป้ายทางข้าม รวมถึงการขีดสีตีเส้น “ทางม้าลาย” บนถนนภายในโรงเรียน
3. ความร่วมมือระหว่าง บ้าน - ชุมชน - โรงเรียน
ทางโรงเรียนจัดทำ MOU ขอความร่วมมือผู้ปกครองให้ช่วยดูแลการเดินทางของบุตรหลาน โดยขอความร่วมมือสวมหมวกกันน็อค การจอดรับ-ส่งในจุดกำหนด การเลี้ยวเข้า-ออกโรงเรียนตามป้ายสัญลักษณ์ ขอความร่วมมือผู้ใหญ่บ้าน ช่วยดูแลความปลอดภัยในชุมชน และช่วยสังเกตโซนสีแดง อุบัติเหตุบ่อยๆ
จากการดำเนินงานมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน - ธันวาคม 2567 เป็นระยะเวลากว่า 6 เดือน ทางโรงเรียนสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในกลุ่มเด็กนักเรียนและผู้ปกครอง เช่น การที่ผู้ปกครองและเด็กเริ่มใส่หมวกนิรภัยเป็นกิจวัตรมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กระดับอนุบาลและประถม ที่มองเห็นความสำคัญของหมวกกันน็อค และบอกต่อคนที่บ้านให้สวมใส่, การจราจรภายในโรงเรียนเป็นระเบียบมากขึ้น เข้า-ออก ตามเส้นทางชัดเจน ไม่สวนทาง และจอดรับ-ส่งอย่างเป็นระเบียบ
นี่คือพลังของโรงเรียนและชุมชน ที่ร่วมมือกัน มองเห็นความปลอดภัยของเด็กเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และแน่นอนว่า สิ่งเหล่านี้จะเป็นก้าวแรกของการปลูกฝังจิตสำนึกที่ดีให้แก่เด็กๆ เพื่อให้พวกเขาเติบโตเป็นพลเมืองที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมในอนาคต
ลิงก์ไปยังเนื้อหา: กดเพื่อเรียกลิงก์